ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของสินค้า การมีเครื่องหมายรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือที่เรารู้จักกันว่า “อย.” ถือเป็นเครื่องยืนยันความน่าเชื่อถือที่สำคัญที่สุดสำหรับสินค้าในกลุ่มอาหาร เครื่องสำอาง วัตถุอันตราย และเครื่องมือแพทย์ แต่สิ่งที่หลายคนมักมองข้ามคือ การต่ออายุ อย. ซึ่งเป็นขั้นตอนจำเป็นเพื่อให้เลขอนุญาตยังคงมีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย หากละเลยขั้นตอนนี้ อาจส่งผลให้สินค้าถูกระงับจำหน่ายหรือถูกปรับได้
ทำไมต้อง “ต่ออายุ อย.”
การได้รับเลข อย. ไม่ได้หมายความว่าใบอนุญาตนั้นจะมีผลใช้งานได้ตลอดไป เพราะทุกใบอนุญาตที่ออกโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะมีอายุการใช้งานจำกัด โดยทั่วไปอายุของใบอนุญาตจะอยู่ระหว่าง 3–5 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์ เมื่อครบกำหนด ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องดำเนินการต่ออายุ อย. เพื่อรักษาสิทธิ์ในการผลิตและจำหน่ายสินค้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หากผู้ประกอบการไม่ต่ออายุใบอนุญาต อย. ภายในเวลาที่กำหนด ผลที่จะตามมาอาจส่งผลกระทบร้ายแรง เช่น ต้องเริ่มกระบวนการขอ อย. ใหม่ทั้งหมด ไม่สามารถผลิตหรือจำหน่ายสินค้านั้นได้จนกว่าจะได้รับอนุญาตใหม่ และยังเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีหากยังคงจำหน่ายสินค้าโดยไม่มีใบอนุญาตที่มีผลบังคับใช้ ดังนั้นการต่ออายุใบอนุญาต อย. จึงไม่ใช่เพียงเรื่องเอกสารทางราชการเท่านั้น แต่เป็นกลไกสำคัญในการคงความน่าเชื่อถือของสินค้าและแบรนด์ รวมถึงการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคและรักษามาตรฐานความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ในระยะยาว
ระยะเวลาที่ควรดำเนินการต่ออายุใบอนุญาต อย.
สำนักงาน อย. แนะนำให้ผู้ประกอบการเริ่มดำเนินการต่ออายุใบอนุญาต อย. ล่วงหน้าอย่างน้อย 180 วัน (6 เดือน) ก่อนวันหมดอายุจริง เพื่อให้มีเวลาตรวจสอบเอกสาร แก้ไขข้อมูล และยื่นผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่กระทบต่อกระบวนการผลิตหรือจำหน่ายสินค้า กรณีที่ยื่น หลังหมดอายุ ใบอนุญาตจะสิ้นสุดผลทันที และต้องทำการ “ขอขึ้นทะเบียนใหม่” ซึ่งใช้เวลาและค่าใช้จ่ายมากกว่า
เอกสารที่ต้องใช้ในการต่ออายุใบอนุญาต อย.
สำหรับการต่ออายุเลข อย. ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเตรียมเอกสารหลักๆ เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น โดยเอกสารที่ต้องใช้ทั่วไปประกอบด้วย
- คำขอต่ออายุใบอนุญาต – แบบฟอร์มที่กรอกข้อมูลผลิตภัณฑ์และผู้ผลิตครบถ้วนตามที่ อย. กำหนด
- สำเนาใบอนุญาตเดิม – ใบอนุญาตที่ได้รับก่อนหน้านี้ เพื่อยืนยันตัวตนและข้อมูลผลิตภัณฑ์
- เอกสารแสดงความเปลี่ยนแปลง (ถ้ามี) – เช่น การเปลี่ยนชื่อผู้ผลิต ที่อยู่ หรือสูตรผลิตภัณฑ์
- เอกสารประกอบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ – เช่น รายงานผลการทดสอบคุณภาพหรือความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ตามประเภทของสินค้า
- สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนธุรกิจหรือนิติบุคคล – เพื่อยืนยันสถานะทางกฎหมายของผู้ประกอบการ
- หลักฐานการชำระค่าธรรมเนียม – ตามอัตราที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากำหนด
เอกสารเหล่านี้เป็นพื้นฐานที่มักต้องใช้ แต่ในบางกรณี อาจมีเอกสารเพิ่มเติมตามประเภทผลิตภัณฑ์ เช่น อาหารเสริม เครื่องสำอาง หรือยา จึงควรตรวจสอบข้อกำหนดเฉพาะของ อย. ก่อนยื่นคำขอเพื่อให้การต่ออายุเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่ติดขัด
ขั้นตอนการต่ออายุ อย.
ขั้นตอนการ ต่ออายุใบอนุญาต อย. สามารถดำเนินการได้ทั้ง แบบออนไลน์ ผ่านระบบ e-submission ของสำนักงาน อย. และ แบบยื่นเอกสารด้วยตนเอง (ขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์) โดยมีขั้นตอนหลักดังนี้
1. ตรวจสอบวันหมดอายุของใบอนุญาต
เข้าสู่ระบบข้อมูลของ อย. หรือดูจากใบอนุญาตเดิม เพื่อทราบวันที่ใบอนุญาตจะสิ้นอายุ
2. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน
จัดเตรียมเอกสารทั้งหมดตามที่กำหนด และตรวจสอบความถูกต้องของชื่อสินค้า ส่วนประกอบ และสถานที่ผลิต
3. ยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาต อย.
เข้าสู่ระบบ Thai FDA e-Submission และเลือกเมนู “ต่ออายุใบอนุญาต”
จากนั้นกรอกข้อมูลให้ครบและแนบไฟล์เอกสารในรูปแบบ PDF
4. ชำระค่าธรรมเนียม
ระบบจะแจ้งค่าธรรมเนียมตามประเภทผลิตภัณฑ์ สามารถชำระผ่านช่องทางที่กำหนด เช่น เคาน์เตอร์ธนาคาร หรือระบบ e-Payment
5. รอการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่ อย. จะตรวจสอบเอกสารและรายละเอียดผลิตภัณฑ์ หากมีข้อสงสัยอาจติดต่อเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม
6. รับใบอนุญาตฉบับใหม่
เมื่อเอกสารถูกต้องครบถ้วน จะได้รับการอนุมัติและออกใบอนุญาตใหม่ โดยมีอายุการใช้งานต่อเนื่องอีก 3–5 ปี
ประเภทของผลิตภัณฑ์ที่ต้อง “ต่ออายุ อย.”
แม้กฎหมายจะครอบคลุมผลิตภัณฑ์หลายประเภท แต่กลุ่มสินค้าที่ต้องดำเนินการต่ออายุใบอนุญาต อย. เป็นประจำ ได้แก่
- อาหารและเครื่องดื่ม การขอเลข อย. ธุรกิจอาหาร เช่น อาหารแปรรูป อาหารเสริม เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ หรืออาหารสำหรับทารก จำเป็นต้องต่ออายุเพื่อให้เลข อย. ยังคงมีผลบังคับใช้และรักษามาตรฐานความปลอดภัยของผู้บริโภค
- เครื่องสำอาง เช่น ครีมบำรุงผิว เซรั่ม โลชั่น แชมพู ยาสระผม หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ การต่ออายุช่วยยืนยันความถูกต้องตามกฎหมายและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์
- เครื่องมือแพทย์ เช่น เครื่องวัดความดันโลหิต หน้ากากอนามัย เครื่องผลิตออกซิเจน หรืออุปกรณ์ใช้ในโรงพยาบาล การต่ออายุใบอนุญาตเป็นสิ่งสำคัญเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยและการใช้งานที่ถูกต้อง
- วัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือน เช่น น้ำยาทำความสะอาด สเปรย์กำจัดแมลง หรือผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อ การต่ออายุช่วยลดความเสี่ยงต่ออันตรายและป้องกันปัญหาทางกฎหมาย
ค่าธรรมเนียมการต่ออายุ อย.
ค่าธรรมเนียมในการต่ออายุใบอนุญาต อย. จะแตกต่างกันไปตามประเภทของสินค้า โดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 500–5,000 บาทต่อรายการ และในกรณีที่มีหลายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเดียวกัน เช่น รสชาติหรือสูตรต่างกัน อาจจำเป็นต้องต่ออายุแยกแต่ละรายการ การชำระค่าธรรมเนียมให้ครบถ้วนและเก็บหลักฐานไว้อย่างเป็นระบบจะช่วยป้องกันปัญหาเอกสารสูญหาย รวมถึงทำให้สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ง่ายและรวดเร็ว
ผลทางกฎหมายหากไม่ต่ออายุ อย.
การไม่ต่ออายุใบอนุญาต อย. ถือเป็นการละเมิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยมีผลทางกฎหมายแตกต่างกันตามประเภทของสินค้า สำหรับผลิตภัณฑ์อาหาร หากจำหน่ายโดยไม่มีใบอนุญาตอาจถูกปรับสูงสุด 30,000 บาท หรือถูกสั่งระงับการจำหน่ายทันที ส่วนเครื่องสำอางและเครื่องมือแพทย์อาจถูกเพิกถอนเลขทะเบียนเดิมและต้องขอใหม่ทั้งหมด สำหรับวัตถุอันตราย การจำหน่ายโดยไม่ต่ออายุอาจมีโทษทั้งจำคุกและปรับ ดังนั้น การต่ออายุใบอนุญาต อย. ให้ทันเวลาเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของสินค้า ป้องกันความเสี่ยงทางกฎหมาย และสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคในระยะยาว
เคล็ดลับการจัดการ “ต่ออายุ อย.” อย่างมืออาชีพ
การจัดการต่ออายุใบอนุญาต อย. อย่างมืออาชีพควรเริ่มจากการจัดทำตารางหรือตัวติดตามวันหมดอายุของใบอนุญาตแต่ละรายการ โดยใช้เครื่องมืออย่าง Google Sheet หรือระบบ ERP ภายในองค์กร ควรแต่งตั้งเจ้าหน้าที่หรือทีมเฉพาะด้านดูแลเรื่อง อย. เพื่อให้การยื่นต่ออายุตรงเวลาและไม่มีข้อผิดพลาด การตรวจสอบเอกสารผลิตภัณฑ์ประจำปี โดยเฉพาะเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสูตร ส่วนประกอบ หรือบรรจุภัณฑ์เป็นสิ่งจำเป็น ธุรกิจที่มีผลิตภัณฑ์จำนวนมากควรใช้บริการที่ปรึกษาในการขอ อย. มืออาชีพ และเก็บสำเนาเอกสารในรูปแบบดิจิทัลเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการต่ออายุครั้งต่อไป
ต่ออายุ อย. อย่างถูกวิธี เพื่อความน่าเชื่อถือและถูกต้องตามกฎหมาย
การจัดการต่ออายุใบอนุญาต อย. อย่างมืออาชีพเริ่มจากการจัดทำตารางหรือตัวติดตามวันหมดอายุของใบอนุญาตแต่ละรายการ โดยใช้เครื่องมืออย่าง Google Sheet หรือระบบ ERP ภายในองค์กร พร้อมแต่งตั้งเจ้าหน้าที่หรือทีมเฉพาะด้านดูแลเรื่อง อย. เพื่อให้การยื่นต่ออายุตรงเวลาและลดความผิดพลาด การตรวจสอบเอกสารผลิตภัณฑ์ประจำปี โดยเฉพาะเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสูตร ส่วนประกอบ หรือบรรจุภัณฑ์ เป็นสิ่งจำเป็น ธุรกิจที่มีผลิตภัณฑ์จำนวนมากควรพิจารณาใช้บริการที่ปรึกษา อย. มืออาชีพ และเก็บสำเนาเอกสารในรูปแบบดิจิทัลเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการต่ออายุครั้งต่อไป หากคุณต้องการความสะดวกและมั่นใจในการต่ออายุใบอนุญาต อย. สามารถใช้บริการ รับจด อย. กับ FDA STORY ที่ช่วยดูแลทุกขั้นตอน ตั้งแต่ตรวจเอกสารจนถึงยื่นต่ออายุอย่างครบวงจร ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าธุรกิจจะดำเนินไปอย่างราบรื่นและถูกต้องตามกฎหมาย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการต่ออายุ อย.
การต่ออายุใบอนุญาต อย. คือการยื่นคำขอต่ออายุเลขอนุญาตของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อให้สิทธิ์ในการผลิตและจำหน่ายสินค้า เช่น อาหาร เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ และวัตถุอันตราย ยังคงมีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย ผู้ประกอบการต้องตรวจสอบวันหมดอายุ เตรียมเอกสาร ยื่นคำขอ ชำระค่าธรรมเนียม และรอการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่
ทุกใบอนุญาตจาก อย. มีอายุจำกัดโดยทั่วไป 3–5 ปี การต่ออายุช่วยให้สามารถผลิตและจำหน่ายสินค้าได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย หากไม่ต่ออายุ อาจต้องขอขึ้นทะเบียนใหม่ เสี่ยงถูกระงับขายหรือถูกปรับ การต่ออายุตรงเวลาเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของสินค้าและแบรนด์
เอกสารหลักประกอบด้วย ใบอนุญาตเดิม คำขอต่ออายุ เอกสารแสดงความเปลี่ยนแปลง (ถ้ามี) เอกสารความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ สำเนาหนังสือรับรองธุรกิจ และหลักฐานชำระค่าธรรมเนียม การเตรียมเอกสารครบถ้วนและตรวจสอบความถูกต้องช่วยลดข้อผิดพลาดและเร่งกระบวนการอนุมัติ
สามารถดำเนินการทั้ง ออนไลน์ผ่านระบบ e-Submission หรือ ยื่นเอกสารด้วยตนเอง โดยเริ่มจากตรวจสอบวันหมดอายุ เตรียมเอกสาร ยื่นคำขอ ต่อด้วยชำระค่าธรรมเนียม และรอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ หลังเอกสารถูกต้องครบถ้วนจะได้รับใบอนุญาตฉบับใหม่ อายุการใช้งานต่อเนื่อง 3–5 ปี
ค่าธรรมเนียมต่ออายุแตกต่างกันตามประเภทสินค้า โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 500–5,000 บาทต่อรายการ หากมีหลายสูตรหรือรสชาติ อาจต้องต่ออายุแยกแต่ละรายการ การชำระครบและเก็บหลักฐานอย่างเป็นระบบช่วยป้องกันเอกสารสูญหาย ตรวจสอบย้อนหลังได้ง่าย และลดความเสี่ยงข้อผิดพลาดในการต่ออายุ


