ในยุคที่ใคร ๆ ก็สามารถเป็นเจ้าของแบรนด์ได้ การสร้างแบรนด์เครื่องสำอางหรืออาหารเสริมขึ้นมาสักแบรนด์หนึ่งไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ด้วยบริการจากโรงงาน OEM หรือบริษัทที่รับผลิตแบบครบวงจร ทำให้กระบวนการคิดสูตร ออกแบบแพ็กเกจ และผลิตสินค้าเสร็จสรรพอย่างรวดเร็ว และเมื่อผลิตภัณฑ์ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง ขั้นตอนถัดมาที่ผู้ประกอบการมักให้ความสำคัญคือการ “ขออย.” หรือการขอเลขที่จดแจ้งจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อใช้เป็นหลักฐานรับรองความปลอดภัยของสินค้า หลายคนเชื่อว่าแค่มีเลขที่จดแจ้ง อย. ติดอยู่บนฉลาก ก็สามารถนำสินค้าไปวางขายออนไลน์ได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรู้รายละเอียดเบื้องหลัง แต่ความจริงแล้วนั้นยังมีข้อควรรู้มากมายที่ผู้ขายควรทราบ หากไม่อยากเผชิญปัญหาภายหลัง ไม่ว่าจะเป็นการโดนตรวจสอบ ยึดสินค้า หรือถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเลขที่จดแจ้ง อย.
ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า “เลขที่จดแจ้ง อย.” เป็นกระบวนการที่ใช้กับสินค้าประเภทเครื่องสำอาง เช่น ครีมบำรุงผิว สบู่ แชมพู เซรั่ม ลิปสติก ฯลฯ เท่านั้น การจดแจ้งนี้เป็นการแจ้งข้อมูลเบื้องต้นของผลิตภัณฑ์ต่อสำนักงาน อย. เพื่อรับทราบว่าเรามีการผลิตหรือนำเข้าสินค้ามาวางจำหน่าย โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการวิเคราะห์ส่วนประกอบอย่างละเอียดหรือทดสอบด้านความปลอดภัยเชิงลึกเหมือนการขึ้นทะเบียนยา หรืออาหารเสริม ดังนั้น แม้จะมีเลขที่จดแจ้งแล้ว แต่ก็ไม่ได้แปลว่าผลิตภัณฑ์ผ่านการรับรองคุณภาพแบบ 100% หรือจะนำไปโฆษณาอย่างไรก็ได้ เพราะเลขจดแจ้งอย. เป็นเพียงการแจ้งข้อมูลตามข้อกฎหมาย ยังไม่ใช่ตราประทับรับประกันความปลอดภัยหรือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้โดยตรง
ข้อควรระวังเกี่ยวกับสินค้า
สิ่งที่ผู้ขายมักมองข้ามและเป็นจุดที่ “อันตรายที่สุด” ก็คือเรื่องของ “ข้อความโฆษณา” แม้จะมีเลขที่จดแจ้งแล้ว แต่ถ้าการนำเสนอสินค้า เช่น บรรยายสรรพคุณเกินจริง โฆษณาว่า “ผิวขาวทันใจใน 1 คืน” หรือ “ลดสิวหายใน 3 วัน” ถือว่าเป็นการโฆษณาเกินจริงและผิดกฎหมาย อย. มีสิทธิ์เรียกตรวจสอบทันที แม้ว่าจะผ่านการจดแจ้งถูกต้องทุกขั้นตอนก็ตาม ข้อนี้สำคัญมากสำหรับเจ้าของแบรนด์ที่ใช้บริการ “รับจด อย.” กับบริษัทที่ให้บริการแบบครบวงจร เพราะบางครั้งบริษัทเหล่านี้จะทำเพียงแค่ยื่นขอเลขจดแจ้งให้ แต่ไม่ได้ให้คำปรึกษาหรือควบคุมข้อความโฆษณาหลังบ้าน หากเจ้าของแบรนด์ไม่ศึกษาให้ดีเอง อาจตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาเกินจริงโดยไม่รู้ตัว
อีกประเด็นที่สำคัญคือ “ชื่อแบรนด์” และ “สูตรสินค้า” ที่ระบุในเอกสารขออย. กับสิ่งที่อยู่บนฉลากสินค้าต้องตรงกันทุกประการ เช่น ถ้าขอเลขจดแจ้งในชื่อผลิตภัณฑ์ว่า “Whitening Body Cream” แต่เวลาพิมพ์ฉลากกลับใส่ชื่อแบรนด์ว่า “White Aura by Anna” โดยไม่เคยแจ้งชื่อการค้าดังกล่าวไว้ในการยื่นจดแจ้ง อาจกลายเป็นการจำหน่ายสินค้าที่ไม่ตรงตามเอกสารจดแจ้ง ซึ่งเข้าข่ายผิดกฎหมายเช่นกัน หลายคนเข้าใจผิดว่าแค่มีเลข อย. ก็สามารถใส่ชื่อแบรนด์อะไรก็ได้ ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย ดังนั้น การขออย. ที่ถูกต้องจึงควรทำโดยละเอียดรอบคอบ ไม่ใช่แค่ให้ผ่านเร็วหรือประหยัดงบเท่านั้น
สิ่งที่เจ้าของแบรนด์ไม่ควรมองข้ามหลังจากขอ อย.
สำหรับใครที่กำลังเริ่มต้นทำแบรนด์ และกำลังมองหาผู้ให้บริการรับจด อย. อย่าลืมเลือกผู้ให้บริการที่สามารถให้คำปรึกษาอย่างครบถ้วน ไม่ใช่แค่ยื่นเอกสารแล้วจบ แต่ควรเข้าใจในตัวผลิตภัณฑ์จริง มีความรู้เรื่องข้อกฎหมายการโฆษณา และพร้อมแนะนำในกรณีที่อย. มีข้อซักถามหรือตีกลับเอกสาร ทั้งนี้ หากมีแผนจะขยายตลาดไปยังต่างประเทศ การเตรียมเอกสารให้ถูกต้องตั้งแต่แรกจะช่วยลดปัญหาเรื่องการส่งออกและการผ่านด่านศุลกากรได้ในอนาคตอีกด้วย
นอกจากนี้ เจ้าของแบรนด์ควรรู้ว่าการจดแจ้งอย. ไม่ได้หมายความว่าสินค้าของเราปลอดภัย 100% หากเกิดปัญหากับผู้บริโภค เช่น แพ้ครีม มีผื่น หรือเกิดอาการแพ้รุนแรง อย. จะทำการตรวจสอบย้อนหลังทันที โดยจะเรียกดูเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เช่น สูตรการผลิต สถานที่ผลิต ใบอนุญาตของโรงงาน และหมายเลขการผลิต ดังนั้น หากคุณใช้บริการโรงงานหรือบริษัทที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ อาจทำให้เกิดปัญหาทางกฎหมายที่คุณต้องรับผิดชอบทั้งหมด เพราะชื่อในเอกสารจดแจ้งคือชื่อของคุณ ไม่ใช่ชื่อของโรงงานนั่นเอง
สรุปแล้ว การมีเลขที่จดแจ้ง อย. ไม่ได้แปลว่าคุณสามารถขายสินค้าได้โดยไม่ต้องระวังอะไรเลย ในทางกลับกัน มันเป็นแค่ “บัตรผ่านด่านแรก” เท่านั้น การจะขายสินค้าให้ปลอดภัย ถูกต้องตามกฎหมาย และยั่งยืนได้นั้น จำเป็นต้องศึกษาเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ดี โดยเฉพาะเรื่องฉลากสินค้า สูตร ส่วนผสม และข้อความโฆษณา รวมถึงควรเลือกใช้บริการ “รับจด อย” จากบริษัทที่เชื่อถือได้ และให้คำแนะนำครบวงจร หากคุณกำลังจะเริ่มสร้างแบรนด์ใหม่ อย่ามองข้ามเรื่องนี้เด็ดขาด เพราะความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น จะช่วยให้คุณเติบโตอย่างมั่นคง และลดความเสี่ยงในการถูกฟ้องร้องในอนาคตได้อย่างแท้จริง
ปรึกษาการยื่นขอ อย. สำหรับบสินค้าอย่างถูกต้องและปลอดภัยที่ เอฟดีเอ สตอรี่ จำกัด รับจด อย. และให้บริการเกี่ยวกับกระทรวงสาธารณสุข มาเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งทางเรามีความชำนาญในเรื่องขอ อย. ให้กับลูกค้าโดยทางเราจะดูแลให้ทั้งหมด ในเรื่องของการยื่นเอกสาร การติดต่อประสารงานกับเจ้าหน้าที่ และให้คำแนะนำกับลูกค้าได้เข้าใจในขั้นตอนต่าง ๆ ของการขอ อย. เพื่อที่ลูกค้าได้คลายข้อสงสัยในทุกส่วนของรายละเอียด ทั้งผลิตภัณฑ์และสถานที่